จำนวนถาม : จำนวนตอบ : รวมทั้งหมด : 0 มีข้อความ |
|
ข้อความเลขที่ : 52 พอดีมีเวลากลับมาแวะเยือน ขออธิบายบางอย่างที่อาจจะมีคนอยากรู้และพอจะอธิบายได้ง่าย ไม่ยืดยาวเกินไป ไม่ได้มาทะเลาะกับใครเพราะไม่ว่างขนาดนั้นและไม่ได้คิดจะสร้างตัวตนอะไรไม่ว่าที่ไหนนะครับ
จากข้อความ 13
"..ส่วนเรื่องถนน(ในป่าพัง) ถ้าไม่บ้าเลือดไปลองของกันเกินไป สภาพพื้นดินในป่ามันฟื้นตัวเร็ว (จากประสพการณ์) ฝนฟ้ามาสักสองสามห่ามันชะล้างตะกอนมาทับถมเร็ว.."
ตะกอนที่เห็นนั้นไม่ได้มาเพื่อซ่อมถนนนะครับ ตะกอนเหล่านั้นส่วนใหญ่เกิดจากตัวถนนเอง (ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมของป่า) และเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดจากถนนที่พาดผ่านป่า ตะกอนจะเกิดได้เมื่อดินถูกอัดแน่นจากกิจกรรมต่างๆ ในที่นี้คือจากการใช้รถไปบนถนน เมื่อดินแน่นพืชคลุมดินจะอยู่ไม่ได้เกิดเป็น bare ground และเมื่อมีฝนตก น้ำฝนจะชะดินออกเป็นตะกอนไหลไป (และจะมีมากเป็นพิเศษเมื่อถูกล้อโตๆของท่านๆปั่น ขณะที่มันชุ่มน้ำ) ที่สุดท้ายที่ตะกอนเหล่านี้จะไปคือแหล่งน้ำต่างๆทั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าถนน เรื่องนี้เข้าใจได้ง่าย แต่ที่ท่านอาจไม่เห็นคือ เมื่อตะกอนเหล่านี้ลงสู่แหล่งน้ำ จะทำให้น้ำขุ่น และส่งผลต่อชุมชนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในน้ำ ตั้งแต่พืชน้ำ แมลงน้ำ สัตว์เล็กๆต่างๆที่มองไม่เห็น ตัวอ่อนแมลง ไปถึงปลา ปู กุ้ง หอย เต่า กบ อึ่ง ฯลฯ และสัตว์ใหญ่ขึ้นมาที่ต้องอาศัยแหล่งน้ำในในการดำรงชีวิต เช่น นาก นกกินปลา ฯลฯ ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ได้มั่วคิดเองพูดเอง แต่เป็นความรู้พื้นฐานที่มีอยู่ในหนังสือ textbook และบทความในเรื่องที่เกี่ยวกับ Recreation Ecology และ human stress impact ทั่วๆไปในส่วนของผลทางกายภาพ (ที่มีผลต่อนิเวศ ชุมชนสัตว์-พืชต่างๆ) ส่วนในป่าสมบูรณ์นั้น น้ำที่หลากมาจะใสสะอาดแทบจะทานได้เลยทีเดียว
และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมถึงแนะนำในกระทู้เขางูว่าอย่าพยายามเข้าป่าหน้าฝนถ้าไม่จำเป็น ป่าไม่ได้มีแค่ถนนและต้นไม้ ส่วนเหตุผลอื่นๆนั้นมีอีกมากมายซึ่งล้วนแต่ส่งผลกระทบที่ท่านมองกันไม่เห็นทั้งนั้น และมันรุนแรง กว้างขวางกว่าที่ท่านคิด แต่มันต้องใช้เวลาอธิบาย ปูพื้นฐานกันมากเกินไป เกินกว่าเวลาที่ผมมี ก็หวังว่าบางท่านจะเข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่อ
อีกเรื่องที่พอจะอธิบายได้ไม่ยากนัก คือเรื่องที่มีบางท่านอ้างว่าชาวบ้านทำลายป่าตลอดเวลาตามสองข้างทาง ทำไม จนท. ไม่จับ คนไม่โจมตี เอาแต่ว่าออฟโรด ถ้าไม่มีออฟโรด จนท.กับชาวบ้าน นายทุน คงมุบมิบกันถางป่าตัดไม้ขายสบาย สาเหตุที่ไม่สามารถจับกุมได้มีหลายสาเหตุ ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า พท.อนุรักษ์ สญ. ประกาศมาหลังการจับจองของชาวบ้าน จึงก่อให้เกิดปัญหาที่ทับซ้อนมากมายทั้งประเทศ ทั้งขอบป่าและในป่า ในช่วงก่อนนี้ จนท.พยายามขับไล่ยึดครองที่ของชาวบ้าน (ที่อาศัยอยู่ก่อน) จนเกิดปัญหามากมาย จนท.ไม่สามารถปักเขตบอกพื้นที่ เข้าพื้นที่ไม่ได้ จอดรถทิ้งไว้ในตลาดก็ไม่ได้ ถูกยิงตายไปก็มาก ถูกโจมตีจากกลุ่ม human right ต่างๆก็มาก ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ รัฐบาลจึงต้องออกนโยบายให้ใช้วิธีประนีประนอมและหยุดการขับไล่ชาวบ้านออกจนกว่าจะมีการพิสูจน์สิทธิต่างๆเสร็จสิ้น
ผมไม่ทราบว่าภาพทั้งหลายของท่านถ่ายมาจากพื้นที่ใดบ้าง และมันเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านครอบครองโดยผิดหรือถูกกฎหมาย แต่ถ้าท่านมีเจตนาที่จะแก้ปัญหาจริงๆ ท่านสามารถรวบรวมหลักฐานนำไปสอบถามทาง จนท.ที่ดูแลก่อนได้เป็นเบื้องแรก ถ้าไม่ชอบมาพากลก็ร้องเรียนต่อไปตามสื่อหรือตามแต่จะเห็นควร เอารูปมาลงตาม web คงไม่มีมรรคผลครับ ทั้งนี้ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ใช่จนท.ป่าไม้ หรือกรมอุทฯนะครับ ไม่ได้มาแก้ต่างแทนใคร แต่รู้เห็นปัญหามาบ้างเพราะเคยรู้จัก กิน-นอน ทั้งกับชาวบ้านและจนท. รู้จักชาวบ้านที่โดนไล่ รู้จักจนท.ที่เคยถูกลอบยิงเกือบตาย รู้จักจนท.หลายคนที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นว่าเล่นเกี่ยวกับคดีพวกนี้
และที่มีบางท่านอ้างถึงคุณสืบนั้น ขอบอกว่า คุณสืบทำงานหนักมากที่สุดเท่าที่จะมีใครสักคนทำงานได้ เพื่อให้ขาแข้งเป็นมรดกโลก และวิธีที่ใช้ในขณะเก็บข้อมูล ทำเรื่องยื่นเรื่องนั้น คือการเดินครับ ไม่ใช่ใช้ออฟโรด รถ 4WD นั้นใช้เมื่อจำเป็นในฐานะยานพาหนะเท่านั้น เหมือนที่ใช้เรือที่เชี่ยวหลาน ผมเคยมีโอกาสเห็นเอกสารลายมือคุณสืบที่เขียนสั่งการจนท.ในหน่วยลึกที่สุดในขาแข้ง ทราบดีว่าคุณสืบเดินมากจริงๆ จากหน่วยหนึ่งไปหน่วยหนึ่งและอีกหน่วยหนึ่ง เดินอย่างละเอียดจึงสามารถสังเกตสิ่งต่างๆได้มากมาย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้จากการขับรถตะบึงไป และคุณสืบไม่ต้องการสิ่งแปลกปลอมใดๆในป่าเลย แม้แต่พืชประดับตามหน่วยที่เป็นไม้ต่างถิ่นที่เราเห็นกันชินตาก็สั่งให้เอาออกให้หมดครับ คงไม่ชอบถนนและออฟโรดไปได้
เวลาไม่มี ขอจบแค่นี้ หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างสำหรับท่านที่ยังไม่รู้
|
|