webmaster |
Posted :
30 / 12 / 2010, 13:06:14 | |
|
มีข้อความ
|
|
เรื่องเล่าจาก คาราวาน #6 ตอน : ตำนานถ้ำฟองยา ฉบับภูพานกะแม่
ตำนานถ้ำฟองยา ฉบับภูพานกะแม่
โดย Weerawan Kang [ jarbintoy ]
ใครหลายคน....บอกว่าการเดินทางจะทำให้เราเติบโตขึ้น เห็นโลกงดงามมากขึ้น ปล่อยวางความเป็นตัวเอง สงบขึ้น และจินตนาการเบิกบาน
ในวันที่ฝนตกโปรยปรายเป็นละอองเต็มฟ้า เมฆสีเทา ลมหนาวพัดกรรโชกแรง รถขบวนยาวขับลัดเลาะตามถนนเส้นเล็กๆ ตามแนวสวนยาง มุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติ ฟง งา-เค บัง
จากรถสู่เรือ เดินทางสู่ถ้ำลอดแต่ด้วยปริมาณน้ำที่สูง จนเรือไม่สามารถลอดเข้าถ้ำได้ ทำให้ผู้เยี่ยมชมต้องเดินด้วยสองเท้าเข้าชมบริเวณถ้ำเอง เด็กน้อยที่ครั้งหนึ่งเคยหวาดกลัวต่อถ้ำและความมืด เดินช้าๆบริเวณผืนทรายในถ้ำ แสงสี ที่จัดวางบริเวณในถ้ำทำให้เห็นหินงอกหินย้อยชัดเจน
ไกด์ชาวเวียดนามเล่าให้ภูพานฟังว่า หินงอกหินย้อยเหล่านี้มีชีวิต หากเราเอามือไปสัมผัสหินจะหยุดการเจริญเติบโต ภูพานยืนฟังแถวหน้า ฟังอย่างตั้งใจวิ่งมาบอกเราว่า แม่หินมีชีวิต เอามือจับไม่ได้นะ เรายิ้ม คำถามมากมายพรั่งพรูออกมา ทำไมมีชีวิตล่ะแม่ แล้วถ้าจับล่ะ หายใจตรงไหน ฯลฯ
ภูพานชื่นชม สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า หินงอกหินย้อย สวยจังเลยนะแม่พร้อมทำเสียง ว๊าวววว โอ้โห ตลอดการเดิน
อากาศในถ้ำดูปลอดโปร่งและเส้นทางเดินดูปลอดภัย
แม่ ภูว่าหินนี้เหมือนแมงกะพรุนต่อตัวกันเลยนะ ภูพานบอกพร้อมทั้งชี้ให้ดูอย่างตื่นเต้น คล้ายการค้นพบครั้งใหญ่ ของนักประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ค้นพบเมืองโบราณ
นี่ก็เหมือน ภูพานเร่งเดิน กระโดดบ้าง ปีนบ้าง
จนกระทั่ง แม่ภูอยากลองจับดูบ้าง จับแล้วเขาจะตายเลยเหรอ เรายิ้มและบอกภูว่า
หากจับ เขาจะหยุดการเจริญเติบโต แต่คงมีสักที่ ที่อนุญาตให้เด็กจับได้
หลังจากที่ภูพานได้สัมผัสหินงอกที่ผ่านผู้คนมาแล้ว จับกำแพง ทราย และก้อนหิน เขาเดินออกจากถ้ำอย่างมีความสุข จนเราได้ยินเสียงฮัมเพลง ออกมาเป็นระยะๆ
ระหว่างที่เท้ากำลังก้าวลงบันได บันไดหินที่ผ่านการเดินของผู้คน มือหนึ่งจับมือแม่ มือหนึ่งทรงตัว เพราะแต่ละก้าวของเด็กตัวเล็กบันไดช่างดูใหญ่โตจริงๆ
แม่จ๋า ภูว่าบันไดนี้เหมือนขนมจีบ สงสัย ขนมจีบจะวางเรียงต่อกันไว้ให้แมงกะพรุนกินมั่ง เราหัวเราะดังลั่นถ้ำลอดฟองยา หันไปดูบันได อืม เหมือนขนมจีบจริงๆ เรายืนยันสิ่งที่ภูค้นพบ
เรายังเดินหัวเราะและบอกกับพี่ๆที่เดินแซงบ้าง เดินสวนทางบ้างว่า ภูพานบอกว่าหินเหมือนแมงกะพรุนและบันไดเหมือนขนมจีบ ภูพานไม่ได้เป็นนักมนุษยวิทยา ไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ ไม่ได้ค้นพบอะไรสำคัญ แต่สำหรับแม่การค้นพบของภูพาน ยิ่งใหญ่กว่า นัก ทั้งหลายนัก
เราสองคนช่วยกันแต่งนิทานที่น่าจะเป็นตำนานของถ้ำ
กาลครั้งหนึ่ง ณ.ดินแดนที่เคยเป็นทะเลมาก่อน บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของแมงกะพรุนชุกชุม แมงกะพรุนอยู่กันอย่างมีความสุข ต่างว่ายน้ำเล่นกันอย่างเริงร่า จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเรือสำเภาแล่นผ่านและเห็นว่าเป็นแหล่งที่อยู่ของแมงกะพรุน จึงอยากจับแมงกะพรุนเหล่านี้ไปใส่ในเย็นตาโฟ แต่..แมงกะพรุนเหล่านี้ มีทักษะในการหลบหลีกมาก คนบนเรือสำเภาจึงจับไม่ได้สักที คนบนเรือจึงนำผงแป้งสีขาว มาเทลงน้ำทะเลบริเวณนี้ แมงกะพรุนจึงแข็งตัว เกาะกันกลม สูงใหญ่ คล้ายอนุสาวรีย์ แต่คนบนเรือสำเภาก็ไม่สามารถขนแมงกะพรุนแข็งๆไปได้ เพราะด้วยความยิ่งใหญ่ของมัน
ขณะนั้นเอง เกิดพายุลูกใหญ่ ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ พัดเรือสำเภาให้ล่ม เรือสำเภาเป็นเรือขนขนมจีบจะนำไปส่งจึงคว่ำ เทกระจาดขนมจีบหล่นเกลื่อน จนกลายเป็นบันไดขนมจีบ
ผ่านไปหลายพันปี น้ำทะเลเหือดแห้งลง มีเด็กๆเดินเล่นเข้ามาในถ้ำ จึงค้นพบหินรูปแมงกะพรุนและบันไดขนมจีบ
นิทานแต่งจบในค่ำคืนที่ฝนตกโปรยปราย ในนครเว้ ภูพานหลับตาลง นอนหลับ เราหลบไปยืนดูวิวสะพานเจ็ดสีตรงมุมหน้าต่าง ดึกแล้ว สะพานหยุดเปลี่ยนสี แต่จินตนาการของลูกชายที่หลับใหลอยู่ มิได้หยุดนิ่ง
นับจากนั้นและทุกๆวันในการเดินทาง ภูพานจะเล่านิทานเรื่องนี้ แต่งแต้ม เพิ่มเติม จากเรือสำเภาสู่เรือสำเภาประเทศอียิปต์ จากแมงกะพรุนก็มีตัวละครใหม่ๆเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น โลมา วาฬ จระเข้ เพิ่มทุกวัน จน มีเด็กมาช่วยเหลือ ทำให้แมงกะพรุนไม่แข็ง และอีกหลายๆตำนาน ภาคใหม่
ใครหลายคนบอกว่าการเดินทางทำให้เราเติบโตขึ้น เราเชื่อสนิทใจ
|
|
|
|
Board : vision12
|
|