จำนวนถาม : จำนวนตอบ : รวมทั้งหมด : 0 มีข้อความ |
|
ข้อความเลขที่ : 8 ร่อนเร่มากับกองทหารกู้ชาติ
ต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๙ หลังจากขุนส่า ราชายาเสพติดผู้นำกองทัพไทใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ ?เมิงไตอาร์มี่? ซึ่งมีกำลังอาวุธทันสมัยและกำลังพลร่วม ๓๐,๐๐๐ คน ได้ทำสัญญาหยุดยิง วางอาวุธอย่างไม่มีเงื่อนไขกับกองกำลังทหารพม่า แต่พันเอกเจ้ายอดศึก นายทหารผู้มีความสามารถสูงทางการรบ ไม่ยอมจำนน หากได้ตัดสินใจวางแผนพาทหารไทใหญ่จำนวน ๘๐๐ คน ข้ามลำน้ำสาละวินกลับเข้าสู่ฝั่งตะวันตก บริเวณป่าลึกกลางรัฐฉาน สามปีเต็มที่เจ้ายอดศึกกับเพื่อนร่วมตายสู้รบอยู่ในป่า ตรากตรำและอดทน สะสมอาวุธกำลังพล ขยายพื้นที่กอบกู้กองทัพไทใหญ่ขึ้นมาใหม่ในชื่อ SSA (Shan State Army) ประกาศทำสงครามกู้ชาติและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มแข็งเด็ดขาดไปพร้อม ๆ กัน
ในช่วงนี้เองที่กองทหารพม่าตามกวาดล้างนักรบและประชาชนไทใหญ่ เพื่อไม่ให้ประชาชนให้ความช่วยเหลือด้านเสบียงอาหาร การข่าว และที่พักแก่ทหารกู้ชาติของพวกเขา ช่วงเวลาเพียงปีกว่า ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๙-๒๕๔๐ หมู่บ้าน ๑,๔๐๐ แห่งสาบสูญจากแผนที่รัฐฉานอย่างไม่เหลือซาก คนไทใหญ่ ๓ แสนกว่าคนไร้ที่อยู่อาศัย ครอบครัวพังทลาย พ่อถูกจับไปเป็นลูกหาบ แม่ถูกข่มขืน ผู้คนถูกฆ่าทิ้งอย่างทารุณนับจำนวนไม่ถ้วน และนั่นทำให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มสูงขึ้นทั่วแผ่นดินฉาน และกำลังทวีจำนวนมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
จายตา เด็กวัยรุ่นชายอายุ ๑๗ ปีซึ่งขณะนี้เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้า ๒๒๙ คนบนดอยไตแลง เล่าให้ฟังถึงความทรงจำเมื่อ ๑๐ ปีก่อนว่า
?ผมอยู่ที่บ้านหนองแดง เมืองนาย รัฐฉาน ปี ๒๕๓๙ ผมยังเด็กมาก อายุ ๖-๗ ขวบ พี่สาวผมเพิ่งอายุ ๑๔ ปี ถูกทหารพม่า ๔-๕ คนมาเอาตัวจากที่บ้านไปรุมข่มขืน พ่อผมถูกจับไปเป็นลูกหาบหาบอาวุธให้ทหารพม่า หายไปนาน กลับมามีแผลเต็มตัว แต่พ่อเด็กอื่นไปตายไม่ได้กลับ หลังจากนั้นทหารพม่าเข้ามาในหมู่บ้าน สั่งให้ทุกคนย้ายออกใน ๗ วัน ใครไม่ไปถูกยิง เขาเข้ามาเผาหมู่บ้าน ชาวบ้านหนีออกหมด บางคนย้ายไม่ทัน ลูกเล็กถูกเผาตายในกองไฟ เสียงร้องไห้ดังทั่ว พ่อแม่ผมร้องไห้ หมดตัวไม่รู้จะไปไหน พ่อแม่ผมกับครอบครัวลุงอ่องหนีไปอยู่ในป่า ไม่มีอะไรกิน ไม่มีที่อยู่ หลบอยู่ตามป่า ขุดหาเผือกมันกิน อยู่กัน ๖-๗ เดือน วันหนึ่งผมไปดักนก ได้ยินเสียงปืน ผมแอบในป่าจนค่ำ กลับมาดูเห็นพ่อแม่โดนยิงตายเลือดเต็มหน้า ลุงอ่องถูกฆ่าตัดหัวเสียบไว้กลางป่า เหลือผมคนเดียว ไม่รู้จะไปไหน เดินร้องไห้ไปเรื่อย ๆ ป่ารกก็บุกไป ไม่ได้กินอะไรวันหนึ่งเต็ม ๆ สัตว์ป่าร้องทั้งคืน ผมกลัวมาก เดินไปจนไปเจอชาวบ้านที่หลบอยู่ในป่า เขาเลยพาผมไปส่งไว้กับทหารไทใหญ่ในป่าเมืองโขหลำ?
นอกจากจายตาแล้วยังมีเด็กไทใหญ่อายุตั้งแต่เพิ่งเดินได้ไปจนประมาณ ๑๐ ขวบที่พ่อแม่ตาย ถูกทิ้งให้อดอยากไร้ที่พึ่งอยู่ทั่วไป ครูเคอแสน เลขาธิการอันดับ ๒ ของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน RCSS (Restoration Council of Shan State) หน่วยงานทางการเมืองของกองทัพกู้ชาติไทใหญ่ เล่าว่า ?ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง ชาวบ้านไทใหญ่จะช่วยดูกันเอง แต่เด็กชายเขาไม่กล้าเลี้ยงไว้ เพราะใหญ่ขึ้นมาทหารพม่าจะมาจับไปเป็นลูกหาบ อีกอย่างทหารพม่าจะคิดว่าชาวบ้านเลี้ยงเด็กชายไว้เพื่อเตรียมให้เป็นทหารกู้ชาติไทใหญ่ ช่วง ๑๐ ปีก่อน เด็กกำพร้าผู้ชายลำบากมาก ไม่มีใครกล้าเลี้ยง ไม่มีใครเอา ไม่มีคนให้พึ่งพา เพราะพม่ามาเจอจะอันตราย ชาวบ้านพบเด็กที่ไหนก็พามาส่งไว้กับเจ้ายอดศึก เจ้ารับไว้หมด เพราะเด็กไม่มีที่ไป รวม ๆ แล้วราว ๔๐-๕๐ คน ตอนนั้นเจ้ายอดศึกก็ลำบากมาก ไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ตั้ง ร่อนเร่อยู่ในป่าประมาณ ๒ ปี ไปไหนต้องพาเด็กตามกองทหารไทใหญ่ไปด้วย เจ้ากระจายทหารเป็นชุดเล็กชุดน้อย รบแบบกองโจร แบ่งเด็กไปกับทหารชุดต่าง ๆ ให้ช่วยกันดูแล หลบอยู่ในป่า กินอยู่เดินทางไปกับทหาร เด็กเล็กลำบากมาก ทหารต้องดูเหมือนพาลูกไปด้วย จนปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เจ้าเห็นว่าพาเด็กไปมาตามป่าอย่างนี้อันตรายกับเด็กมาก เด็กไม่มีอนาคต จะทำแบบนี้อยู่ตลอดไม่ได้ เจ้ายอดศึกเลยติดต่อกลุ่มคริสต์ของทางสาธุคุณจอห์น โปรฟิลด์ ชาวนอร์เวย์ที่เชียงดาว จ. เชียงใหม่ ฝากให้ช่วยดูแลเด็ก แล้วเจ้าก็พาเด็กทั้งหมดมาที่ชายแดนไทย เอาแต่หน่วยรักษาความปลอดภัยของเจ้ามาช่วยคุ้มครองเด็ก ทหารพม่ารู้ข่าว พากำลัง ๖ ทัพ ๒,๐๐๐ กว่าคนตามฆ่าเจ้า ล้อมปราบ ยิงกันหลายครั้ง เด็กต้องหยิบปืนยิงกับทหารพม่า ป้องกันชีวิตตัวเอง รอดมาได้จนถึงชายแดนไทย พอปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เจ้าตั้งกองบัญชาการที่ดอยไตแลง พออยู่ได้แล้วก็ไปเอาเด็ก ๗๐ กว่าคนมาไว้บนดอย เปิดโรงเรียนสอนภาษาไทใหญ่ พม่า อังกฤษ ไทย สอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ธรรมชาติศึกษา สอนวัฒนธรรมไทใหญ่ทั้งหมด หลักสูตรมีถึงชั้น ม. ๖ รวมลูกชาวบ้านที่หนีมาจากในรัฐฉานด้วยตอนนี้มีนักเรียนอยู่ ๗๐๐ กว่าคน?
|
|